Ebs Trading ระบบ

Eaton Business System สิ่งที่ทำให้ Eaton แตกต่างคือการมุ่งเน้นการจัดการพลังงานวัฒนธรรมตามค่านิยมของเราและปรัชญาของเราในการดำเนินธุรกิจในฐานะ บริษัท ที่ดำเนินงานแบบบูรณาการ ระบบธุรกิจของ Eaton (EBS) เป็นศูนย์รวมของปรัชญาของ บริษัท ที่ดำเนินงานแบบบูรณาการ Eaton Business System (EBS) คือวิธีที่เราทำงานที่ Eaton นั่นคือวิธีที่เราดำเนินธุรกิจของเราโดยวิธีปกติ มันขึ้นอยู่กับความเชื่อของเราในกระบวนการมาตรฐานและมุมมองที่สามารถสอนได้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเราได้ถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและการเรียนรู้ที่สำคัญทั่วทั้งองค์กรและส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมูลนิธิ Eaton Business System เป็นวิสัยทัศน์และภารกิจเดียว ค่านิยมและปรัชญาทั่วไป EBS ยังรวมถึงชุดกระบวนการมาตรฐานที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจของ บริษัท ภายใต้ขอบเขตดังต่อไปนี้การวางแผนการเจริญเติบโตความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นเลิศการเรียนรู้ระบบธุรกิจของ Eaton เป็นแหล่งความได้เปรียบในการแข่งขันของเราและเมื่อนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล ผนวกพลังของหลาย ๆ คนเข้ากับ Power of One ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานระบบธุรกิจของ Eaton ได้เป็นอย่างดีคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับใช้ Oracle E-Business Suite ของคุณโดย Sancho Pinto และ Stephen Schleifer Mar-09 ระบบการถ่ายภาพที่ถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล ของธุรกิจทั่วทั้งองค์กรรวมทั้ง IT Applications todayrsquos ERP ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถดำเนินกระบวนการทางธุรกิจได้โดยอัตโนมัติโดยใช้การดำเนินงานประจำวันออกจากโลกทางกายภาพและทำให้พวกเขาออนไลน์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามเนื้อหาในกระดาษยังคงมีกระบวนการทำธุรกรรมที่สูงมากจากการจัดหาเพื่อจ่ายค่าจัดการจ่ายให้กับผลประโยชน์ของพนักงานซึ่งเป็นอุปสรรคที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ผลที่ตามมาคนงานยังคงต้องจัดการกระบวนการเพียงอย่างเดียวโดยการสลับระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งไม่เพียงส่งผลให้ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมวลผลธุรกรรมช้าลงและเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก การเก็บรักษากระดาษและการขนส่ง ด้วยการใช้โซลูชันการถ่ายภาพองค์กรสามารถทิ้งโลกทางกายภาพไว้เบื้องหลังเพื่อให้ได้ระบบอัตโนมัติของกระบวนการทางธุรกิจที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและประหยัดค่าใช้จ่าย Oracle Imaging and Process Management (Oracle IPM) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดผลิตภัณฑ์ Oraclersquos การจัดการเนื้อหา digitizes เนื้อหากระดาษและแทรกลงในเวิร์กโฟลว์แอพพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ นำเสนอการผนวกรวมกับ Oracle E-Business Suite ในโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ใช้ธุรกิจสามารถเข้าถึงรูปภาพและเวิร์กโฟลว์ได้โดยตรงจาก UI ของ E-Business Suite ในขณะเดียวกันก็ลดกำลังการรวมระบบลง ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยเพิ่มกระบวนการทางธุรกิจที่มีอยู่โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้ฝ่ายต่างๆสามารถปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยการหยุดชะงักของผู้ใช้ขั้นต่ำ Itrsquos แนวคิดง่ายๆที่มีคุณค่าที่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจสามารถใช้งานได้กับหลายพื้นที่ขององค์กร ในความเป็นจริง ROI กับแอพพลิเคชันที่เปิดใช้งานภาพนั้นเห็นได้ชัดอย่างรวดเร็วว่าการใช้งานภายใน บริษัท เป็นไวรัส: หัวหน้าแผนกคนหนึ่งพูดถึงอีกเรื่องว่า itrsquos ช่วยในการบรรลุการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการในพื้นที่ของพวกเขาได้อย่างไรและในไม่ช้าผู้จัดการจะเข้าร่วม ITrsquos ประตูถามเมื่อภาพสามารถรวมกับการประยุกต์ใช้ของพวกเขา Oracle IPM เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานร่วมกันประเภทนี้เนื่องจาก itrsquos ได้รับการออกแบบมาให้ใช้เป็นแพลตฟอร์มการถ่ายภาพซึ่งช่วยให้องค์กรด้านไอทีสามารถรักษาระบบการถ่ายภาพและเวิร์กโฟลว์ส่วนกลางซึ่งสามารถใช้งานได้ทั่วทั้งองค์กรเพื่อรองรับแอพพลิเคชันใด ๆ โดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานหรือการบริหารเพิ่มเติม Oracle IPMrsquos แนวทางที่ไม่ซ้ำกับการรวมแอ็พพลิเคชันจากมุมมองเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเมื่อพิจารณาถึงแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่เปิดใช้งานภาพการปรับแต่งและการเข้ารหัสที่มีอยู่ระหว่างระบบภาพและแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเช่นการปรับเปลี่ยนเวิร์กโฟลว์ระบบต่อระบบอาจต้องใช้บริการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม หรือการอัพเกรดระบบไปสู่สภาพแวดล้อมของแอพพลิเคชั่นสามารถจบลงด้วยการเป็นระบบที่สำคัญเนื่องจากระบบภาพจะต้องสอดคล้องกับระบบ ERP ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ในระยะสั้นเมื่อมีการพึ่งพาระหว่างระบบทั้งสองระบบมากแผนกไอทีสามารถตรวจสอบได้ว่าระบบดังกล่าวไม่มีการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานแอพพลิเคชันหรือความยืดหยุ่นที่ต้องการ Oracle IPM ใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปอะแดปเตอร์ E-Business Suite สำหรับ IPM ทำหน้าที่เป็นชั้นระบบประปาระหว่างสองระบบเพื่อให้การผสานรวมนี้เป็นไปได้ อะแดปเตอร์ E-Business Suite สำหรับ IPM ถูกสร้างขึ้นบน Application Framework Extension Framework (AXF) มาตรฐานซึ่งจัดการรายการ integrations ที่กำหนดค่าไว้และการเชื่อมโยงกับเทมเพลตโซลูชันที่มีให้สำหรับกระบวนการอัตโนมัติเช่นการจัดหาเพื่อจ่ายหรือการจัดการค่าใช้จ่าย AXF จัดการรายการการผนวกรวมที่กำหนดค่าไว้และการเชื่อมโยงกับเทมเพลตโซลูชันที่มีให้สำหรับกระบวนการอัตโนมัติเช่นการจัดหาเพื่อจ่ายหรือการจัดการค่าใช้จ่าย เทมเพลตการปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ประกอบด้วยกระบวนการทำงานของ Oracle BPEL Process Manager ที่มีกฎการอนุมัติแบบฟอร์มการป้อนข้อมูลและรายงาน และมีตัวเลือกการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นเพื่อกำหนดว่าคำสั่งเพิ่มเติมใดที่มีให้สำหรับผู้ใช้ E-Business Suite เมื่อบูรณาการการติดตั้งภาพที่ช่วยให้โมดูลเพิ่มเติม E-Business Suite จะทำผ่านการเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่า AXF โดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม E-Business Suite วิธีการรวมระบบ Oracle IPM ช่วยให้ระบบรักษาภาพรักษาแยกจากสภาพแวดล้อมของ E-Business Suite และให้ผู้ใช้ปลายทางเข้าถึงเอกสารภาพและงานเวิร์กโฟลว์จากบริบทของ E-Business Suite Fusion Matters: Oracle IPM และอนาคตของแอ็พพลิเคชันของออราเคิลสำหรับลูกค้า Oracle ที่กำลังมองหาเพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจหลายรูปแบบในโครงสร้างพื้นฐานเดียวเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องมี Oracle IPM AXF จะถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนครอบครัวแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ ของออราเคิลเช่น PeopleSoft และ JDEdwards ในช่วงหลายเดือนที่จะถึงนี้ แต่ Oracle IPM มี API บริการเสริมเว็บและเครื่องมือต่างๆเพื่อรวมภาพและเวิร์กโฟลว์เข้ากับแอ็พพลิเคชันอื่นในสภาพแวดล้อมของคุณได้อย่างง่ายดาย สำหรับผู้ที่กำลังมองไปสู่อนาคตด้วย Fusion Applications เรื่องราวจะดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ Oracle IPM ยังมีที่เก็บภาพเริ่มต้นสำหรับ Fusion Applications เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกที่ที่จำเป็นในการถ่ายภาพ middot ลองดูที่ Oracle IPM for E-Business Suite โซลูชันและมุมมองสำหรับภาพรวมบูรณาการ middot ตรวจดู Demonstration Viewlet สำหรับการดำเนินงานทีละขั้นตอนผ่านการรวม Oracle IPMrsquos กับ Oracle E-Business Suite Payments middot Download Oracle IPM 10gR3 การใช้ API ธุรกิจของ R12 TCA กับตัวจัดการกระบวนการ BPEL โดย Michael Baguely Mar-08 พอร์ทัล 12 เปิดตัว API ธุรกิจ Business Objects (TCA) ของ Trading Community Architecture นี่คือการจัดกลุ่มแบบย่อของหน่วยงาน TCA เพื่อสร้างหน่วยธุรกิจที่สามารถปฏิบัติการได้และมีเหตุผล ใส่ได้ง่ายขึ้นด้วยการเรียกใช้ Oracle E-Business Suite Adapter จากกระบวนการ BPEL ของคุณคุณสามารถประมวลผลเอนทิตีหลายตัวใน TCA แทนที่จะต้องเรียก API แบบละเอียดอีกครั้ง นอกเหนือจากการสร้างหน่วยงานที่ซับซ้อนแล้ว APIs ยังมีการอัปเดตบันทึก (สร้างหรืออัปเดตขึ้นอยู่กับข้อมูลประจำตัวที่ผ่านตรงกับวัตถุทางธุรกิจที่มีอยู่) และรับ (เพื่อดึงข้อมูลและส่งคืนข้อมูลวัตถุทางธุรกิจ) กระบวนการต่อไปนี้ใช้ API HZPERSONBOPUB. getpersonbo เพื่อทดสอบว่าบุคคลนั้นมีอยู่แล้วใน TCA หรือไม่หากบุคคลนั้นไม่มีอยู่จริงบุคคลที่หนึ่งสถานที่การใช้งานปาร์ตี้และไซต์ปาร์ตี้จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้ HZPERSONBOPUB. createpersonbo API อะแดปเตอร์ E-Business Suite ถูกใช้เพื่อเรียก API เหล่านี้ เริ่มต้นด้วยการกำหนด Schema XML ที่ใช้ในการป้อนข้อมูลและพารามิเตอร์ขาออกใด ๆ ที่ส่งคืนโดย API (เช่น partyid) แผนภาพต่อไปนี้แสดงกระบวนการระดับสูง ตรวจสอบเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลที่มีอยู่แล้วใน TCA ดำเนินการในขอบเขต PersonExistenceCheck หรือไม่ กิจกรรมสวิทช์ที่ตามมาจัดไว้สำหรับกรณีที่บุคคลนั้นถูกพบใน TCA หรือไม่ แต่ละคู่ค้า Oracle E-Business Suite ใช้ API TCA Business Object ที่เหมาะสม แม้ว่าจะเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการใน TCA Technical Implementation Guide อาจต้องติดตั้งแพคเกจ TCA BO PLSQL โดยไปที่อินเทอร์เฟซอื่น ๆ ndash Custom Objects - PLSQL APIs ใน Oracle Applications โมดูลเบราเซอร์ กิจกรรมการแปลงจะถูกเพิ่มก่อนที่จะมีกิจกรรมกระตุ้นแต่ละรายการเพื่อถ่ายโอนข้อมูลจากตัวแปรนำเข้าของกระบวนการไปยังตัวแปรนำเข้าที่กำหนดไว้สำหรับกิจกรรมการเรียกร้อง นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถแปลงค่าข้อมูลและค่าดีฟอลต์หรือค่าบังคับที่ API ต้องการจะเพิ่ม ตัวอย่างของข้อกำหนดค่าเริ่มต้นคือ CREATEDBYMODULE ค่าดีฟอลต์จะถูกเพิ่มโดยคลิกขวาที่องค์ประกอบและเลือกตั้ง Texthellip ในตัวทำแผนที่ XSLT ข้อดีอีกประการของการใช้ API เหล่านี้คือข้อผิดพลาดใด ๆ ที่เกิดจาก API จะถูกส่งกลับไปยังกระบวนการ BPEL ในองค์ประกอบ xmessages ของตัวแปรเอาต์พุต แผนภาพต่อไปนี้แสดงกระบวนการที่สมบูรณ์ สรุปได้ว่าฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้นโดย APIs เหล่านี้ช่วยให้พวกเขาสามารถใช้งาน BPEL ได้อย่างเหมาะสม กระบวนการจะรวดเร็วขึ้นในการพัฒนาและจะไม่ซับซ้อนและชัดเจนขึ้นเป็นผล คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ APIs ที่มีอยู่และการใช้งานของพวกเขาในคู่มือการใช้งานด้านเทคนิคของ TCA BI Publisher Standards โดย Kevin Bouwmeester มี.ค. -8 ฟิวชั่นกำลังจะมาถึง และในการตั้งค่านี้ BI Publisher (BIP) จะเป็นเครื่องมือรายงานหลัก คุณจะประหลาดใจถ้าคุณลองจินตนาการถึงจำนวนของเทมเพลตที่จะใช้ในปีต่อ ๆ ไป ด้านหนึ่งความสุขที่การสร้างเทมเพลตมีความยืดหยุ่นมากเพราะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองความต้องการของเอกสารได้ แต่เมื่อผู้พัฒนาทุกคนมีวิถีของตนเองอิสรภาพนี้อาจกลายเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับการบำรุงรักษาการอ่านและความร่วมมือ ในที่สุดเทมเพลตทั้งหมดอาจต้องมีการขยายหรือกำหนดเอง ในอนาคตอันใกล้นักพัฒนา BI Publisher จาก EMEA (หรือแม้แต่ทั่วโลก) จะปรับเทมเพลตที่สร้างขึ้นโดยผู้อื่น หากปราศจากหลักเกณฑ์บางประการการทำงานของผู้อื่นจะไม่สามารถอ่านและปรับตัวได้ง่ายเท่าที่ควร Thats ทำไมฉันคิดว่าการพัฒนา Publisher BI สามารถใช้มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดได้ และคาดเดาว่าอะไร: บล็อกนี้จะให้ภาพรวมสำหรับชื่อที่เป็นชื่อหนึ่งในสิ่งแรกที่ฉันสามารถนึกได้เมื่อคาดการณ์ว่าการพัฒนา BI Publisher จะใช้งานได้ง่ายขึ้นคือการตั้งชื่อ ในตอนท้ายคุณจะทำงานกับไฟล์ XML หลายไฟล์: เทมเพลตข้อมูล, ไฟล์ควบคุมการระเบิดและข้อมูลพรีวิว ฉันได้เห็นคนสับสนและโหลดแม่แบบข้อมูลในตัวสร้างแม่แบบของ Word เพื่อสร้างเค้าโครงของพวกเขาในสิ่งที่ฉันเสนอเป็นเรื่องง่ายมาก แต่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการหาไฟล์ที่: middot เทมเพลตข้อมูล - ใช้ DT. xml เป็น postfix สำหรับชื่อไฟล์ middot Bursting control file - ใช้ BC. xml เป็น postfix สำหรับชื่อไฟล์ middot ข้อมูลตัวอย่าง - ใช้ DATA. xml เป็น postfix สำหรับชื่อไฟล์ ดูด้านล่างสำหรับการปรับแต่ง BI Publisher ที่ฉันใช้งานได้ง่ายเพื่อดูว่าแต่ละไฟล์มีความหมายอย่างไร วิธีที่ดีที่สุดในการทำ XML เมื่อคุณเริ่มต้นสร้างรายงาน Publisher BI คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีคำตอบทั้งหมดที่คุณต้องการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงหลายประเด็นพื้นฐานของ BIP ก่อนที่จะเริ่มกำหนดโครงสร้าง XML: middot คุณจะพัฒนาแม่แบบเค้าโครงแบบต่างๆในโครงสร้าง XML อย่างไรพิจารณาความต้องการของแต่ละเทมเพลตในการพิจารณาเกี่ยวกับ XML โครงสร้าง. ข้อมูลต้องสมบูรณ์และลำดับชั้นของโครงสร้างในไฟล์ XML ต้องเป็นไปตามโครงสร้าง (ข้อมูลหลักและรายละเอียด) ของรายงาน middot คุณต้องทำ bursting ถ้าดูแลอย่างดีกับโครงสร้าง XML เนื่องจาก bursting จะแบ่งข้อมูล XML ออกเป็นส่วนเล็ก ๆ องค์ประกอบทั้งหมดที่อยู่นอกขอบเขตของ bursting จะไม่สามารถเข้าถึงได้หลังจากกระบวนการ bursting คุณต้องแน่ใจว่าได้ใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในองค์ประกอบ XML ที่มีอยู่ ใช่นี่อาจหมายความว่ามีข้อมูลที่ซ้ำซ้อนใน XML middot จำเป็นต้องแปลถ้ามีข้อมูลควรมีหลายภาษาและคุณต้องสร้างข้อมูลนี้ลงในแบบสอบถามโดยเลือกข้อมูลสำหรับ XML เมื่อสร้างข้อมูล XML แล้วจะไม่สามารถดูได้อย่างไรและเมื่อใดที่สร้างขึ้น ในการติดตามแหล่งที่มาของข้อผิดพลาดบางครั้งก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบฐานข้อมูลที่สร้างไฟล์ XML รวมถึง id และอาร์กิวเมนต์ของคำขอพร้อมกัน สำหรับรูเล็ตนี้จำเป็นต้องมีข้อมูลเมตาดาต้าบางอย่างในไฟล์ XML แต่ละไฟล์ที่สร้างขึ้นโดย BI Publisher ด้านล่างนี้ฉันได้ให้ตัวอย่างของข้อความค้นหาที่สามารถเพิ่มลงในเทมเพลตข้อมูลเพื่อให้มีข้อมูลอธิบายในข้อมูล XML ที่สร้างขึ้นแต่ละรายการ เทมเพลต RTF ในอุดมคติไม่มีสิ่งใดที่เหมาะกับเทมเพลต RTF ที่เหมาะ แต่เราสามารถลองเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด เทมเพลตที่เหมาะจะเหมือนกับเค้าโครงของรายงานที่จะสร้างขึ้นและจะง่ายและสมบูรณ์ตามความเข้าใจของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจขัดแย้ง แต่ด้วยฟังก์ชันซ่อนใน Word คุณสามารถสร้าง quoteksquot สองแบบในเทมเพลต RTF ของคุณได้ดังนั้นจึงสอดคล้องกับข้อกำหนดทั้งสอง แนวคิดง่าย ๆ : ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์เพียงคนเดียวต้องการเห็นซ่อน โดยทั่วไปเหล่านี้เป็นข้อความที่ควบคุมการประมวลผล แต่ไม่ได้พิมพ์ข้อมูล ตัวอย่างเช่นในกรณีนี้คือ: เงื่อนไขที่ขาดหาย (ltif: CURRENCYEURgt และ ltend ifgt) การทำซ้ำแบบครั้งต่อไป (ltfor-each: INVOICEgt และ ltend for-eachgt) middot define sub-templates (lttemplate: footergt และ ltend templategt) คุณสามารถใช้ เพื่อสลับระหว่างมุมมองเค้าโครงและมุมมองผู้พัฒนา นอกจากนี้ฟิลด์ข้อความทั้งหมดที่คุณใช้เพื่อแทรกข้อมูลลงในเทมเพลตสามารถได้รับชื่อที่สื่อความหมาย เพื่อปรับปรุงความสามารถในการอ่านชื่อนี้ควรเป็นตัวอย่างข้อมูลที่แสดงในฟิลด์ข้อความ การทำเช่นนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าคุณมีมุมมองในการสร้างเอกสารที่สร้างขึ้นโดยอิงจากข้อมูลตัวอย่าง จะเป็นประโยชน์เมื่อคุณต้องการกำหนดวิธีการคอลัมน์กว้างควรจะให้ข้อมูลเพื่อให้พอดีกับต้องการทราบเพิ่มเติมเป้าหมายของฉันสำหรับบทความนี้คือเพื่อให้คุณเหลือบในการปฏิบัติที่ดีที่สุดและมาตรฐานที่ฉันได้รับการทำงานกับของฉัน เพื่อนร่วมงาน Serge Vervaet หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อเราโดยตรงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ดีที่สุดในการพัฒนา Publisher BI Allthough ยังไม่ได้ให้บริการอย่างเป็นทางการฉันสามารถบอกคุณได้ว่ามีการฝึกอบรม BI Best Best Practices ที่จะมีขึ้น โปรดติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BIP Best Practices การผสานรวมกับ Oracle E-Business Suite โดยใช้ Oracle E-Business Suite Adapter และการรักษาความปลอดภัยแอพพลิเคชัน E-Business ดังนั้นคุณจึงทำให้ชื่อนี้ยาวเกินไป Itrsquos ดีที่จะเห็นว่ายังมีคนที่มีความอดทนพอสำหรับชื่อยาวลม Irsquom สถาปนิกด้านการรวมระบบสำหรับ บริษัท ที่ปรึกษาด้านพันธมิตรของ Oracle ที่เรียกว่า E2E Consulting จาก Tempe, Arizona หนึ่งในโครงการ SOA ของฉันเราต้องบูรณาการกับ Oracle E-Business Suite ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่าง E-Biz ฉันไม่เคยรวมกับ Oracle E-Biz หรือหนึ่งในระบบ ERP ขนาดใหญ่มาก่อน แต่ก็มีความคุ้นเคยกับการรวมเข้ากับฐานข้อมูลคิวไฟล์เป็นต้นดังนั้นสิ่งที่สำคัญคืออย่างไรก็ตามข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ผสานกับ E-Biz เมื่อคุณใช้ Oraclersquos SOA Suite และ E-Business Suite Adapter ใน Oracle JDeveloper แน่นอนว่า Irsquom แน่ใจว่าคุณบางคนสังเกตเห็นความอุดมสมบูรณ์ของคำว่า Oracle ในประโยคก่อนหน้าซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คุณคาดหวังว่า บริษัท จะมีกลยุทธ์การผสานรวมอย่างราบรื่นระหว่างผลิตภัณฑ์ของตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่ออราเคิลทำกับออราเคิล E-Business Suite Adapter สำหรับโครงการของฉัน E-Biz เป็นระบบบันทึกข้อมูลสำหรับการจัดการโครงการ ดังนั้นการรวมระบบครั้งแรกกับ E-Biz จึงส่งคำสั่งงานจากระบบการจัดการงานต่างๆของพวกเขาซึ่งกลายเป็นงานใน E-Biz เพื่อให้พนักงานสามารถเรียกเก็บเวลากับงานในไทม์ไทม์ของตนหรือสั่งวัสดุที่ใช้ ID งาน โชคดีที่ตั้งแต่ตอนนี้เราได้เจาะลึกใน BPEL โดยใช้ JDeveloper ในขณะนี้และสังเกตเห็นไอคอนอะแดปเตอร์ E-Business Suite ที่มีประโยชน์ซึ่งมีให้บริการเป็น BPEL ใน JDeveloper ซึ่งดูเหมือนเป็นทางเลือกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะใช้ Oracle E-Business Suite Adapter แต่ก็ยังคงมีทางเลือกหลายอย่างสำหรับการผสานรวมกับ E-Biz โดยใช้ วิธีการใช้ Integration ใดที่คุณสามารถเห็นได้ในรูปที่ 1 มีหลายทางเลือกสำหรับการรวมเข้ากับ Oracle E-Biz เนื่องจากเราได้รวม Oracle BPEL Process Manager ไว้กับ E-Biz แล้วเราจึงสามารถออกแนวทางต่างๆได้ดังนี้: middot Oracle XML Gateway โปรแกรมประยุกต์พร้อมกัน middot PLSQL APIs middot ตารางอินเทอร์เฟซในกรณีนี้เราเลือกที่จะ ใช้ PLSQL APIs โดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการกำหนดค่าและการบำรุงรักษาเพิ่มเติมในการอัพเกรด E-Biz ในอนาคต ตามที่เห็นในภาพด้านบนภายในแอ็พพลิเคชัน Oracle Applications ทำให้การใช้งาน J2CA (J2EE Connector Architecture) เป็นอย่างมากในการเชื่อมต่อทางกายภาพกับ Oracle E-Biz Wersquoll จะกลับมากำหนดค่าการเชื่อมต่อ J2CA ในอแดปเตอร์ Oracle E-Business Suite ในภายหลัง สิ่งที่สำคัญคือตอนนี้ J2CA อนุญาตให้ SOA Suite เพื่อซ่อนรายละเอียดการเชื่อมต่อที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับความต้องการของแต่ละอะแดปเตอร์โดยการเปิดเผยเฉพาะส่วนเชื่อมต่อ J2CA กับกระบวนการ BPEL Irsquom คาดเดาได้ว่าถ้าคุณต้องการอ่านบล็อกนี้คุณจะคุ้นเคยกับการสร้างกระบวนการ BPEL ใน JDeveloper แล้วและสนใจที่จะใช้ E-Business Suite Adapter เพื่อเชื่อมต่อกับ E-Biz ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น theresquos ความอุดมสมบูรณ์ของบทเรียนที่ดีออกมีที่ขั้นตอนผ่านการสร้างกระบวนการ BPEL ใน JDeveloper และแม้แต่คนที่ผ่านการใช้ E-Business Suite Adapter เพื่อเชื่อมต่อกับ E-Biz ความตั้งใจของฉันคือการไม่ทำซ้ำข้อมูลในเว็บไซต์เหล่านี้ แต่เพื่อเพิ่มความรู้สึกเหล่านี้ด้วยการให้ข้อมูลที่ Irsquove เก็บรวบรวมผ่านประสบการณ์ส่วนตัวโดยใช้ E-Business Suite Adapter ในโครงการของฉัน อย่างไรก็ตาม itrsquos หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ Irsquoll นำเสนอบางขั้นตอนที่ youquoll ดูที่อื่น ๆ แต่เพียงเพื่อแสดงจุดเฉพาะ หนึ่งการทำสำเนาคือเบราเซอร์โมดูลแอ็พพลิเคชันของ Oracle ซึ่งใช้โดยวิซาร์ด Oracle Applications ใน JDeveloper เพื่อกำหนดวิธีการสื่อสารและ API ที่จะเรียกใช้ ในกรณีของเราเรามีนักพัฒนาซอฟต์แวร์สนับสนุน Oracle E-Biz จากลูกค้าในทีมรวมที่รู้จัก API และแพคเกจเฉพาะที่เราต้องการในการใช้งานดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการหา API เฉพาะสำหรับการเพิ่มและอัปเดตงานใน โมดูลโครงการ จากวิธีการสื่อสารที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้คุณสามารถกรอง API ที่แสดงโดยเลือกเฉพาะวิธีการสื่อสารที่คุณต้องการใช้ที่ด้านบนสุดของโมดูลเบราเซอร์ รูปที่ 2 แสดงตัวอย่างของ Application Module Browser ใน JDeveloper บริบทของแอ็พพลิเคชันและ Oracle E-Business Suite การกำหนดบริบทแอ็พพลิเคชันที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของบล็อกนี้และคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนอกเหนือจากการใช้ความปลอดภัยระดับฐานข้อมูลในการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล E-Biz แล้ว E-Biz ยังใช้การรักษาความปลอดภัยระดับแอพพลิเคชันเพื่ออนุญาตให้ใช้ API ของตน เพื่อสนับสนุนการให้สิทธิ์ระดับแอ็พพลิเคชันอะแดปเตอร์ Oracle E-Business Suite อนุญาตให้ใช้ตัวแปรส่วนหัวในกระบวนการ BPEL ที่ต่ำสุดตัวแปรส่วนหัวต้องมีชื่อผู้ใช้และความรับผิดชอบที่จะใช้ในการผ่านการให้สิทธิ์ระดับโปรแกรม นอกจากนี้ยังมีองค์กรที่จะใช้ชื่อผู้ใช้และความรับผิดชอบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นของ E-Biz และไม่ว่าจะมีการกำหนดค่า E-Biz ให้ใช้หน่วยงานหลายองค์กร ในสถานการณ์ของเราเราจำเป็นต้องใช้ชื่อผู้ใช้และความรับผิดชอบเท่านั้นและเนื่องจากเราจำเป็นต้องเรียกใช้ PLSQL API หลายตัวโดยใช้ตัวแปรส่วนหัวนี้เราจึงประกาศตัวแปรส่วนกลางประเภทส่วนหัวและกำหนดชื่อผู้ใช้และความรับผิดชอบในขั้นตอน BPEL ก่อน โชคดีเมื่อเราสร้างบริการลิงค์พันธมิตร JDeveloper ได้สร้าง WSDL ที่ชื่อว่า ProcessAdapterHeader. wsdl ซึ่งกำหนดประเภทข้อความสำหรับส่วนหัวของ Oracle Applications ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างตัวแปรส่วนกลางประเภทนี้เท่านั้น จากนั้นกิจกรรมที่กำหนดจะถูกเพิ่มลงในกระบวนการ BPEL ซึ่งอนุญาตให้มีการเตรียมใช้ตัวแปรส่วนหัวส่วนกลางเพื่อใช้ในภายหลัง เพื่อให้สามารถเข้าถึง APIs ทั้งหมดได้จำเป็นต้องตั้งชื่อผู้ใช้เป็น Sysadmin และมีการตั้งค่าความรับผิดชอบไว้ที่ ldquoOrder Management Super User, Vision Operations (USA) rdquo จากนั้นเมื่อมีการเพิ่มกิจกรรมการเรียกใช้กระบวนการ BPEL ในการเพิ่มงานใน E-Biz เราจะเลือกตัวแปรที่จัดเก็บข้อมูลประจำตัว E-Biz เพื่อใช้ใน API โดยใช้ไอคอนไฟฉาย ldquoBrowserdquo Thatrsquos it และขณะนี้เราสามารถเข้าถึง APIs ที่เราเลือกได้ก่อนหน้านี้โดยไม่มีข้อผิดพลาดจาก Oracle เราทำขั้นตอนเดียวกันเมื่อเพิ่มกิจกรรมการเรียกใช้สำหรับอัปเดตงานใน E-Biz โดยใช้ตัวแปรเดียวกัน ก่อนที่จะออกจากการอภิปรายเกี่ยวกับบริบทของแอ็พพลิเคชัน Irsquod อาจเป็นข้ออ้างถ้าฉันไม่ได้พูดถึงว่า JDeveloper ฝังชื่อผู้ใช้มาตรฐานและความรับผิดชอบไว้ใน WSDL ของพาร์ทเนอร์ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับ E-Biz APIs โดยค่าเริ่มต้นจะฝังชื่อผู้ใช้ของ ldquosysadminrdquo และความรับผิดชอบของ ldquoSystem Administratorrdquo ใน ltjca: operationgt ใน WSDL ดังนั้นหากใช้งานได้สำหรับการติดตั้ง E-Biz และ APIs ที่คุณต้องการเข้าถึงจากนั้นคุณจะไม่จำเป็นต้องใช้ ตัวแปรส่วนหัวเพื่อตั้งบริบทแอ็พพลิเคชันของคุณในการเรียก API แม้ว่าคุณจะใช้ Database Adaptor เพื่อผสานรวมระบบต่างๆใน Oracle SOA Suite แต่ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่คุณใช้ Oracle E-Business Suite Adapter คุณยังสามารถลืม กำหนดค่าอินสแตนซ์ของเซิร์ฟเวอร์ BPEL ให้สมบูรณ์ เช่นเดียวกับ Database Adapter เมื่อคุณเพิ่ม Link Database Adaptive Link เข้ากับกระบวนการ BPEL จะใช้ข้อมูลการเชื่อมต่อฐานข้อมูล JDeveloper ของคุณใน WSDL สำหรับ Link Partner ดังนั้นในกรณีที่คุณไม่ได้กำหนดค่าอะแดปเตอร์ J2CA serverrsquos ด้วยรายการ JNDI ที่สอดคล้องกัน มันอย่างน้อยสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องแม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพการสร้างการเชื่อมต่อใหม่แต่ละการภาวนาและชี้ไปที่ฐานข้อมูลการพัฒนา ในทำนองเดียวกันเมื่อมีการเชื่อมโยงพันธมิตรโดยใช้ Oracle E-Business Suite Adapter JDeveloper ฝังข้อมูลการเชื่อมต่อไว้ใน WSDL สำหรับบริการเว็บ Yoursquoll หาสายการเชื่อมต่อ JDBC URL ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล E-Biz ภายในองค์ประกอบ ltjca: addressgt ใน WSDL เช่นเมื่อใช้อะแดปเตอร์ฐานข้อมูล หนึ่งแผนภาพที่ฉันพบมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำความเข้าใจว่าข้อมูลการเชื่อมต่อใดที่อะแดปเตอร์ใช้อยู่ที่นี่ จากนั้นเราจึงสร้างฐานข้อมูลการเชื่อมต่อสระว่ายน้ำและแหล่งข้อมูลใน Oracle Application Server ที่สนับสนุนการทำธุรกรรม XA และแก้ไขไฟล์ Apps.4.xml AppsAdapterrsquos oc4j ตามที่กล่าวไว้ใน WSDL ที่สร้างขึ้นโดย JDeveloper เพื่อสร้างองค์ประกอบ ltconnector-factorygt ด้วย แอตทริบิวต์ตำแหน่งที่ตั้งที่ตรงกับแอตทริบิวต์ตำแหน่งภายในองค์ประกอบ ltjcaaddressgt ใน WSDL ที่สร้างขึ้นโดย JDeveloper สำหรับลิงก์พันธมิตร สุดท้ายเราได้เพิ่มองค์ประกอบ ltconfig-propertygt ภายใต้ ltconnector-factorygt ที่มี namerdquoxADataSourceNamerdquo และค่าที่ตรงกับแหล่งข้อมูล XA ที่สร้างขึ้น หลังจากรีสตาร์ทอินสแตนซ์ OC4J เราสามารถปรับใช้กระบวนการ BPEL ของเราและใช้แหล่งข้อมูลข้อมูลและพูลเชื่อมต่อที่กำหนดค่าเพื่อเชื่อมต่อกับ E-Biz และไม่สร้างการเชื่อมต่อใหม่โดยใช้คุณสมบัติ WSDL ทุกครั้งที่มีการเรียกกระบวนการนี้ ไม่มีอาการปวดความได้รับทั้งหมดกระบวนการทั้งหมดข้างต้นใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงซึ่งรวมถึงเวลาในการอ่านและตรวจสอบเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าตัวแปรส่วนหัวสำหรับ Oracle EBS API อย่างไรก็ตามตอนนี้ทำเสร็จแล้วเมื่อใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเชื่อมต่อกับ E-Biz และใช้ APIs ที่มีอยู่แล้วกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์และปรับใช้กระบวนการ BPEL หวังว่าบล็อกนี้จะช่วยประหยัดเวลาของคุณซึ่งอาจใช้เวลาในการตรวจสอบว่าข้อมูลประจำตัว E-Biz สามารถนำไปใช้กับอะแดปเตอร์ E-Biz ได้อย่างไร เกี่ยวกับ Oracle Configurator Oracle Configurator คือแอ็พพลิเคชันที่นำเสนอการขายให้กับลูกค้าโดยนำเสนอการกำหนดค่าผลิตภัณฑ์ออนไลน์ Oracle Configurator เป็นส่วนหนึ่งของทั้ง Oracle Order Management และ Oracle CRM รวมถึงการบริหารจัดการคำสั่งซื้อ Quoting การขายและ TeleSales อย่างราบรื่น ใช้ Configurator ในแอพพลิเคชันต้นทางได้อย่างไร มีส่วนประกอบที่เรียกว่า Configurator Developer เพื่อออกแบบการกำหนดค่าต่างๆของผลิตภัณฑ์ในแอ็พพลิเคชันต้นทาง นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเล็ตที่ฝังอยู่ในแอ็พพลิเคชันและช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าชมเว็บไซต์แอ็พพลิเคชันเพื่อกำหนดค่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกได้ตามที่เขาเลือกไว้และส่งข้อมูลการกำหนดค่า Servlet ตัวกำหนดค่าจะส่งกลับข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเช่น Quote หรือ Price ตามการกำหนดค่าที่เลือก แอ็พพลิเคชันของออราเคิลเช่น Oracle CRM และ Order Management ประกอบด้วย Oracle Configurator เป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งในขณะที่แอ็พพลิเคชันอื่น ๆ เช่น iStore, Quoting, Sales และ TeleSales ให้การผสานรวมกับ Oracle Configurator Configurator จัดเตรียม Servlet ไว้ในแอ็พพลิเคชันเพื่อเข้าถึงการกำหนดค่าผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้ในแอ็พพลิเคชันต้นทาง (CRM, Order Management ฯลฯ ) ในการเริ่มต้นใช้เซิร์ฟเล็ตนี้ควรเริ่มต้นใช้งานครั้งแรกเพื่อสร้างเซสชัน เมื่อต้องการทำเช่นนี้คุณต้องผ่านข้อความการเตรียมใช้งานในรูปแบบ XML ข้อความการเตรียมใช้งานมีรายการพารามิเตอร์เพื่อตัดสินใจว่าจะโหลด UI การกำหนดค่า productrsquos ใดในเบราว์เซอร์ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง XML ข้อความเริ่มต้น: มีพารามิเตอร์จำนวนมากที่สามารถส่งต่อได้และการรวมกันของพารามิเตอร์ที่จะส่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ รายละเอียดของพารามิเตอร์เหล่านี้สามารถพบได้ในคู่มือการติดตั้ง Oracle Configurator ข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยัง servlet คอนฟิกูเรชันผ่านทางแบบฟอร์ม HTML แอตทริบิวต์ action ของฟอร์มควรชี้ไปที่เซิร์ฟเล็ต Configurator: lthostgt: ltportgtOAHTMLCZInitialize. jsp ที่ lthostgt และ ltportgt คือชื่อโฮสต์และหมายเลขพอร์ตของเซิร์ฟเล็ต Configurator ที่ติดตั้งไว้ใน Source Application (CRM, Order Management ฯลฯ ) โหลด UI ของผลิตภัณฑ์ที่กำหนดค่าที่ระบุ หลังจากที่ผู้ใช้เสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้วคลิกที่ปุ่มเสร็จสิ้น ข้อมูลที่ส่งจะถูกประมวลผลโดยตัวกำหนดค่าและขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่กำหนดค่าไว้ใน Configurator UI Servlet ตัวกำหนดค่าจะโพสต์ข้อความการสิ้นสุดในรูปแบบ XML เป็น URL ที่ระบุในพารามิเตอร์ returnurl ข้อความบอกเลิกมีข้อมูลประมวลผลสำหรับผลิตภัณฑ์ที่กำหนดค่าไว้ ผู้พัฒนาเพจ returnurl ต้องประมวลผล XML ปลายทางเพื่อดึงข้อมูล รูปต่อไปนี้แสดงตัวอย่างข้อความ XML สิ้นสุด: วิธีนี้ใช้งานได้ดีสำหรับแอ็พพลิเคชัน J2EE ที่เรียบง่าย แต่ในการทำเช่นเดียวกันในแอพพลิเคชัน ADF หรือ WebCenter คุณจะต้องใช้งานอีกเล็กน้อยพร้อมกับสิ่งนี้ บล็อกนี้มีแนวทางทีละขั้นตอนเพื่อรวม Oracle Configurator ในแอพพลิเคชัน ADF การบูรณาการกับแอ็พพลิเคชัน ADF การผสานรวมทำได้โดยทำตามขั้นตอนสามขั้นตอนดังนี้ 1. สร้างแอ็พพลิเคชัน J2EE แบบง่ายๆและสร้างเพจที่มีฟอร์ม HTML เพื่อส่งข้อความเริ่มต้นไปยังเซิร์ฟเล็ต Configurator ให้ชื่อว่า Initialization Page 2. การสร้างเพจเพื่อจัดการข้อความสิ้นสุดจาก Servlet Configurator ให้ชื่อว่า Return Page 3. การฝังเพจการเตรียมใช้งานลงใน ADF Application ของคุณ หมายเหตุ: หลักเกณฑ์ด้านล่างนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาแอ็พพลิเคชันโดยใช้ Oracle JDeveloper แต่แน่นอนคุณสามารถใช้ IDE สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ JavaJ2EE ที่ใช้กันทั่วไปอื่น ๆ ได้ การสร้างแอ็พพลิเคชันและหน้าการเริ่มต้น J2EE ที่เรียบง่าย 1. สร้างแอ็พพลิเคชัน J2EE (ไม่ใช่ ADF) แบบง่าย 2. สร้างเพจ HTML หรือ JSP ในแอ็พพลิเคชัน หน้านี้จะใช้เพื่อส่งข้อมูลเริ่มต้นไปยัง Servlet Configurator หน้านี้จะถูกฝังอยู่ใน ADF Application ของคุณในภายหลังโดยใช้ HTML IFrame 3. สร้างฟอร์ม HTML ในเพจโดยใช้พารามิเตอร์ต่อไปนี้: 4. สร้างฟิลด์ HTML แบบซ่อนในแบบฟอร์มโดยใช้ชื่อ XMLmsg 5. ระบุค่าของฟิลด์ในรูปแบบข้อความเริ่มต้นหมายเหตุ: ถ้าคุณต้องการส่งค่าพารามิเตอร์แบบไดนามิกคุณควรกำหนดให้เป็นหน้า JSP แทนที่จะเป็นหน้า HTML แบบคงที่ 6. ใส่รหัส javascript onloadrdquodocument. forms0.submit () rdquo ในแท็ก ltagersgt pagersquos ของคุณ การเพิ่มโค้ดนี้จะส่งแบบฟอร์ม HTML ทันทีที่หน้าเว็บโหลดขึ้น 7. พารามิเตอร์ returnurl ในข้อความเริ่มต้นควรชี้ไปที่หน้าผลตอบแทนที่คุณจะสร้างในส่วนถัดไป หมายเหตุ: คุณควรระบุ URL แบบสัมบูรณ์ในพารามิเตอร์ returnurl นี่เป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากเมื่อมีการส่งเพจการเตรียมใช้งานคอนโทรลจะถูกโอนไปยังเซิร์ฟเล็ต Configurator และเมื่อดำเนินการกำหนดค่าผลิตภัณฑ์ Servlet ตัวกำหนดค่าจะส่งผ่านตัวควบคุมกลับไปยัง URL ที่ระบุในพารามิเตอร์ returnurl การสร้างเพจย้อนกลับ 1. สร้างหน้า JSP ในแอ็พพลิเคชัน J2EE ที่เรียบง่ายของคุณ หน้านี้จะถูกใช้โดยเซิร์ฟเล็ต Configurator เพื่อส่งต่อข้อความบอกเลิกเมื่อผู้ใช้คลิกเสร็จสิ้นใน UI Servlet Configurator 2. ข้อความการสิ้นสุดจะถูกส่งผ่าน HTTP Request parameter parameter XMLMsg คุณสามารถแยกข้อความโดยใช้ HTTPRequestObject. getParameter (ldquoXMLMsgrdquo) 3. ตอนนี้คุณจำเป็นต้องใช้ Javascript เพื่อแยกวิเคราะห์ข้อความ xml ของข้อความบอกเลิกและส่งข้อมูลที่สกัดไปยัง ADF Application (จำหน้านี้จะโหลดใน IFrame ภายใน ADF Application ของคุณ) 4. ให้สมมติว่าคุณต้องผ่านพารามิเตอร์ configheaderid และ configrevnbr ไปยังหน้า ADF 5. รูปต่อไปนี้แสดงตัวอย่าง JSP ที่คุณสามารถใช้เพื่อเริ่มต้นด้วย: การฝังหน้าเริ่มต้นใน ADF Application 1. เปิดหน้า ADF ที่คุณต้องการฝังฟังก์ชัน Oracle Configurator 2. ใส่ที่อยู่ที่เหมาะสมในเพจของคุณใส่ HTML IFrame ดังต่อไปนี้ 3. ให้สมมติว่าคุณมีสองช่องในหน้า ADF ของคุณหนึ่งสำหรับ Configurator Header Id และส่วนที่สองสำหรับ Configurator Revision Number ที่คุณต้องการเติมจาก ตัวประมวลผล Servletrsquos ประมวลผลข้อมูล 4. แก้ไขส่วน af: form และระบุแอตทริบิวต์ Id In JDeveloper, you can do it using the Property Inspector of the Form. As shown in the figure below: 5. In the same manner specify the Id attributes for Configurator Header Id and Configurator Revision Number Fields as well. Make sure, you use the same Id(s) used in the Javascript function on the Return Page JSP that you created in the previous section. 6. Once you have the data on the ADF page, you can use it for processing in your ADF Application. 7. This completes the integration. Now run your ADF application and see the data being passed from the Configurator UI to the ADF Application. Sample Screen Flow The screen flow will be as follows: Step 1: The Configurator Servlet opens up in the IFrame within ADF Application. Step 2: Configure the Product in the Configurator UI and click Finish. Step 3: The Configurator Servlet passes the control back to the Return URL page where using Javascript the data is passed to the ADF Application. Combining Multiple Worklists into a Single BPEL Tasklist By Michael Rulf May-09 When you start using both BPEL and E-Business Suite, you end up with multiple worklists containing tasks that have been assigned to you. This article will explain how you can collect workflow tasks from E-Business Suite (EBS) and populate them into the BPEL task list. We will be using the Business Event functionality built-in to EBS to invoke a BPEL process whenever Workflow sends a notification message. First, some assumptions: 1. This exercise assumes that all your userids are the same for both EBS and BPEL. This can either be done by configuring EBS and BPEL to use the same LDAP repository, or you can manually define and manage the users in both systems. 2. For this example, I am assuming that all notifications have approval codes of ldquoApproverdquo and ldquoRejectrdquo. The code provided collects the approval codes for the notification and you could extend the example to accommodate additional approval codes. After creating a new application to contain your work, letrsquos create an Asynchronous BPEL process to handle workflow notifications. You will want to set the input schema to match the EBS workflow event structure by selecting the APPSWFEVENTT. xsd file provided by Oracle and selecting the WFEVENTT type. The first step is to gather some additional information about the workflow notification. I have written a small PLSQL procedure and two associated data types that collects the necessary information. The two data types are used to gather valid response codes for a particular notification. While this example does not deal with multiple sets of response codes, you could use this code to extend the example based on your response values. This procedure returns information about the notification that is used by the BPEL process to generate the BPEL notifications. Once we have the data types and procedure compiled in the Database, we can call the procedure from the BPEL process through the definition of a Database (DB) Adapter. Select the Database connection to your EBS instance: Specify that you are going to call a stored procedure. Specify the procedure we just defined. Select ldquoFinishrdquo then accept the partner link that was created. The next step is to create an ldquoInvokerdquo action to call our DB Adapter and generate the input and output variables. Add an ldquoAssignrdquo action to copy data from the input variable to the input variable for your Invoke action. You will need to modify the default ldquofromrdquo xpath to specify you want the first value entry (PARAMETERLISTITEM1) in the parameter list as shown below. Your BPEL process should now look like the following: Now that we have collected data about an invoking EBS workflow, we need to add a ldquoHuman Taskrdquo to the process and create a new task definition. This ldquoHuman Taskrdquo will add your EBS notification to the BPEL work queue. You will need to add a parameter to the notification payload so you can pass the notification recipient as defined by the EBS workflow to the BPEL work queue. Then add an assignment by expression that uses this payload parameter to the participant list used by BPEL. Your Human Task should now look like this: The last step for setting up the Human Task is to populate the payload parameter you just added. Select the assignment within the Human Task scope and add the recipient. In order to do so, you need to update the schema used by the BPEL process to define the human workflow task. If you look at the Application Navigator, you will see there currently are two WorkflowTask. xsd files. You need to update the one under ldquotaskservicerdquo to include the payload specification you just created in the EBSNotification and change the task payload type to ldquopayloadTyperdquo. When complete, your schema should look like this: After making these changes, refresh the variable definitions via the structure pane to ensure your BPEL process sees the new payload definition. You are now ready to add the EBS recipient to the Human Task by updating the first pre-populated assignment action in the Human Task scope. First, you need to remove the default XML Fragment assignment created by the wizard process as highlighted below. This default assignment overwrites the payload data structure which we now need in order to populate our recipient information. Once that is deleted, add the recipient information. The final steps take the result returned by the Human Task and pass them back to the EBS Workflow engine. First, add a DB Adapter to populate the result code back to EBS via the ldquowfnotification. SetAttrTextrdquo procedure. Set the DB Connection info to your R12 instance. You are going to want to call a stored procedure to update. Once the DB Adapter is created, you need to call it for each of the Human workflow results. This is done by adding assignment and invoke activities to each of the case outcomes. The assignment activity sets three parameters required by the DB procedure: 1. The ID of the notification you wish to update. 2. The workflow notification attribute you will be assigning a value. In this case is the ldquoRESULTrdquo attribute. 3. The value you will be assigning to the attribute. In this case it the result code returned by the human workflow. Repeat for the other explicit case outcome value. Your BPEL process is now complete and should look as follows: Now that we have created a BPEL process to coordinate the EBS workflow notifications, we need to implement an ESB service to collect the necessary Business Events from EBS. When ever a workflow notification is sent in EBS, it raises the ldquooracle. apps. wf. notification. sendrdquo business event. By creating an Oracle Applications Adapter for this business event, JDeveloper will automatically generate and execute the necessary code to register your event listener. Create a new ESB project in your application and add and Applications Adapter to the project. You will want to create a new WSDL file which launches the EBS Adapter Wizard. After selecting your connection You may be asked to create the iRep file which discovers all of the EBS services available to the adapter. If this is your first EBS adapter, go ahead and build the file. You are now ready to select the necessary service which is under ldquoOther Interfaces-gtBusiness Events-gtOutbound(Listen to Business Events from Oracle Apps)rdquo. JDeveloper then populates the Operation Objects for you. You will want to specify a schema. Use the APPSWFEVENTT. xsd schema provided by Oracle and complete the adapter definition. The wizard automatically adds a routing service for you and you will see the following: The next step is to add a routing rule so your BPEL process is called every time the notification event is raised. You should browse the service explorer and select the initiate action for your BPEL process from the registered BPEL processes. You are now ready to start receiving EBS workflow notifications in your BPEL work queue. Service Oriented Approach for E-Business Suite Integrations By Peeyush Tugnawat Sep-08 Oracle E-Business Suite (EBS) is one of the most widely used enterprise applications. EBS customers are often challenged with the requirements for more collaboration between traditionally separated business functions within and outside the enterprise. This can be multiplied if the enterprise consists of business functions served by diverse best of breed applications. Traditional enterprise application integration mechanisms may deliver on short-term goals but it has many shortcomings and often results in tightly coupled integrations and vendor lockdown. Adopting a Service Oriented approach for E-Business Suite Integration can deliver on fundamental business needs. Besides addressing the immediate requirements, a service oriented approach underscores and addresses the fundamental reasons for doing the integration. Letrsquos explore some of the things to consider to ensure the success of SOA based integration solution for EBS. Deliver on Fundamentals Business process flexibility and collaboration are the key forces that drive on-going requirements for integrating with EBS and for that matter any enterprise application. A Service Oriented Architecture (SOA) approach for EBS integrations should try to deliver on the fundamental and implicit business requirements of business process agility, simplicity, enhanced visibility, efficiency, and reusability. When the fundamentals are addressed, it becomes easy over time for businesses to create new business processes that are composed of the existing business functions and processes. Understand Built-in EBS Integration Mechanisms It is important to understand the different integration components available within EBS to make an informed decision about using one or more for your SOA integration project. Your selection depends upon the integration requirements and the interaction pattern determined to be the best fit. The following integration mechanisms are available within E-Business Suite. Oracle XML Gateway E-Business Suite utilizes the Oracle Workflow Business Event System to support event-based XML message creation and consumption. It can consume events raised by the Oracle E-Business Suite and can subscribe to inbound events for processing. It can be leveraged for Business-to-Business (B2B) and Application-to-Application (A2A) integration scenarios. The Oracle Workflow Business Event System is an application service that leverages the Oracle Advanced Queuing (AQ) infrastructure to communicate business events between systems. There are more than 1000 built in events with in EBS that can be leveraged for event-based integration of business processes. A concurrent program is an instance of an execution file. Concurrent programs use a concurrent program executable to locate the correct execution file. Several concurrent programs may use the same execution file to perform their specific tasks, each having different parameter defaults. Interface tables are intermediate tables into which the data is inserted first. Once the data gets inserted into the interface tables, the data is validated, and then transferred to the base tables. These are stored procedures that enable you to insert and update data in Oracle Applications. Oracle E-Commerce Gateway Oracle E-Commerce Gateway provides a common, standards-based approach for Electronic Data Interchange (EDI) integration between Oracle Applications and third party applications. Use IREP to Discover and Catalog Available Business Services To plan your SOA based integrations, the architects and business users need to know about the services available within EBS that can be leveraged to be a part of your integration service(s). The first step when planning and designing your integrations should be to use Oracle IREP. This acts as single source of truth for the available business services within EBS and also the details of service end-points. IREP lets users easily discover the appropriate business service interface for integration with any system, application, or business partner. To access IREP go to irep. oracle. If you are working on EBS R12, from the Navigator menu, select the Integration Repository responsibility, then click the Integration Repository link that appears. Adopt SOA Principles for Integration Architecture Use SOA principles of abstraction, loose coupling, discoverability, and composition for service-oriented integrations with Oracle EBS. Using Oracle SOA Suite for service-oriented integrations can offer great advantage as it provides a complete set of service infrastructure components for building, deploying, and managing SOAs. Lets go over some details and things to keep in mind while coming up with the architecture for EBS integrations. Use Standards Using standards-based technologies for your service-oriented integrations will help eliminate lock-down with products and companies. This will enhance easy evolution, enhancement, and composition of business processes that may use services related to integrations. Service Enable Enterprise Application Functions Once you explore IREP and know the service or interface that you want to use, the next step is to make the function or service participate in your service oriented integration architecture as a web service. To use one of the integration functions such as business events or PLSQL APIs in a SOA-based solution (integration or composite process) is relatively simple, with the help of Oracle Applications Adapter by exposing them as Web services. This enhances re-usability, extensibility, and delivers a faster design to deploy time. It exposes existing EBS Integration interfaces as Web services. The adapter inherently uses and leverages open standards, including J2CA, XML, WSIF, WSIL, and WSDL. Most importantly, it dramatically reduces the time to design and develop a SOA based integration that interfaces with web service based integration interface for EBS. Business Semantics for Message Payloads Business objects contained in the message payloads for integration services should share common view and semantics across the enterprise and should be architecturally neutral. For example, there should be only one standard view of Customer or Sales Order within an enterprise. This provides common vocabulary and enables reuse, extensibility, and cross pillarapplication interoperability. The concept of a common view of business information is commonly known as a Canonical Data Model (CDM) pattern. Oracle has implemented this pattern in the AIA foundation pack and it is termed Enterprise Business Object (EBO). The majority of messages delivered with XML Gateway are mapped using the Open Application Group (OAG) standard. Classify Integration Requirements EBS requirements can be broadly classified as real time near real time and batch integrations. Identify message exchange patterns for both types of integrations. Event based asynchronous MEPs can be used for modeling both type of integrations. Use synchronous services only when absolutely required and if the SLA cannot be fulfilled by other integration options. Asynchronous Integration Patterns Enable asynchronous near real-time business interactions using event based integration services. Business events can serve as the basic components of event driven architecture and facilitate loosely coupled asynchronous service oriented integration processes. Business events and AQ components provide the mechanisms that can be used with the use of application and AQ adapters respectively. For example, outbound integration services can be invoked in real time by an employee create event when new hire information is entered into EBS. Batch Integrations Batch integration requirements should be carefully examined for factors such as volume, size, and other transaction requirements. Typical batch integration requirements include reading from a file from a secure location, transforming data, and writing to database. Such requirements can be satisfied by using file adapter with ESB. For large file sizes consider debatching feature supported by FileFTP adapters. If the batch integration includes a high volume of data with complex data integrity requirements, ODI should be considered. Service Layers It is a good idea to adopt a layered approach when designing your services. This promotes clear separation within service stack and promotes enhanced reuse of services. Think about the following layers: Application Services Layer: These are the application specific services like PLSQL APIs or business events related to a particular business function. It also includes PLSQL Web services. Business Services Layer: The services in this layer will encapsulate a particular business function like creating a sales order. The service in this layer will be a course-grained Web service that can be used by external entities to perform a business function such as creating a sales order in EBS or notifying other systems about a new hire. The services in this layer can be implemented using resource adapters (Application, DB, AQ) and ESB. Orchestration Services Layer: The process services in this layer are long-lived and cross-functional processes that are composed of multiple services from the business services layer andor any other external Web service. These services will provide a layer or abstraction for the actual business service and the interactions it includes for incorporating a business process. Services in this layer can be implemented using BPEL that defines a model and a grammar for describing the behavior of a business process based on interactions between the process and its partners. Inject Resiliency into SOA Components: Build resiliency into the individual integration processes. This may be easy to miss, even with the best architecture in place. Always think about all the ldquowhat ifrdquo scenarios and try to inject process level resiliency into the individual integration processes. For example, you can use partnerLinkBinding configuration properties for implementing resilience to failures in endpoints on which BPEL or ESB processes depend. Use retryMaxCount and retryInterval. Exception Handling: Despite all the forward thinking there can be things that might and will go wrong. Define reusable, extensible, and agile approach to handle exceptions at process level and other unknown exceptions. Using a common exception handler service with extensible interface can provide the flexibility, re-usability, and extensibility. Such common service can be implemented as a BPEL service. Simplify Support Functions: Anyone who has worked with application integration can relate to the great deal of time and energy involved when troubleshooting integration issues. With asynchronous messaging and multiple services, the idea should be to ease the pains of traditional EAI support functions. In the case of EBS, people often jump to the conclusion to create custom tables for handling integration exceptions. Instead, try to leverage built-in human workflow capabilities and the worklist application within BPEL. Notification mechanisms can be used to notify support personnel in case of exception and let them view and analyze the details in an easy to read format within the worklist application. This use of the human workflow feature has proved to be very helpful for support persons. Human interaction and intervention: Business processes inevitably will involve human interaction in some or other form. If your integration process involves such role based people interaction, plan ahead and use standards-based mechanisms to have human workflows. Oracle BPEL provides standards-based human workflow capability that can be used for modeling human interactions for your integration services. Separate Business Rules: The integration process is not a good place to embed and hard code business rules. Avoid creating a custom layer in PLSQL for applying business rules or performing data validations. Identify the rules and use Oracle Business Rules to provide loose coupling between your integration service and rules. This will provide the flexibility for business users to change business rules, without needing developers to modify PLSQL or redeploy integration services. Business Process Visibility: Plan to provide visibility into your integration or business process. This is very important because today, with heterogeneous systems and applications, and with integrations spanning multiple systems, it becomes very hard to have visibility at run-time. Use Oracle BAM to enable users (IT and Business) to to monitor and have visibility into business processes and integration points in real-time. SOA Governance: In simple terms, plan for the capability to manage and apply policies for the services within the service portfolio of your integration services. This is critical for SOA and needs to be planned well to ensure better management and control of services. Use Oracle Web Services Manager for managing and applying policies for your Web services. Review AIA Offerings: Before diving head-on into creating service oriented integrations for EBS be sure to review the Oracle AIA offering. Oracle Application Integration Architecture (AIA) provides an open standards-based framework for creating cross-application business processes and accelerates time-to-value. AIA offers Process Integration Packs (PIPs) for delivering prepackaged, end-to-end business process integrations across Oracle Applications. It also offers the Foundation Pack which provides a reference architecture and reusable Web service components that can accelerate your SOA initiative for EBS integrations. Conclusion A service oriented approach for E-Business Suite integrations offers tremendous advantages over other traditional EAI approaches. Enterprise integrations can evolve into reusable and implementation agnostic useful services by applying very basic principles of flexibility, agility, and extensibility in all the components of service oriented integration architecture. In the TCA model of E-Business Suite, the data model is more complex. The information needed for this integration is stored in the following tables: middot hzcustaccounts middot hzparties middot hzcustacctsitesall middot hzpartysites middot hzlocations Technical Design Overview This paragraph describes the way the integration is built. The integration flow has the following steps: middot The integration utilizes the Business Event System. After creating a customer account, the event oracle. apps. ar. hz. CustAccount. create is fired. A Business Event in general only passes key field values as parameters. In this case, the parameter CUSTACCOUNTID is most important. middot Because the business event only passes the ID of the created customer account as an event parameter, the other customer fields have to be retrieved to construct a CustomerCreated message. The business event data has to be enriched. This enrichment could be done in two ways: o Let the business event trigger an ESB flow directly. Inside the ESB flow, query the needed fields from the e-Business Suite database with the e-Business Suite adapter or the Database Adapter. o Create an PLSQL event subscription for event oracle. apps. ar. hz. CustAccount. create. This event retrieves all customer data needed to create the message. The message, enriched with all the needed fields, is placed on a custom queue. This enriched message is used to trigger the ESB flow. In this scenario, more logic is put in PLSQL. middot Because data from multiple tables is needed, enriching the event in PLSQL is most easy. So an event subscription listens to event CustAccount. create. Based on the passed in CUSTACCOUNTID, all other needed fields are retrieved from the e-business tables involved. A message is placed on a custom queue. This message has exactly the columns that are needed by receiving application. middot The Advanced Queue Adapter listens for new messages on the custom queue. The new message is routed to a Database Adapter that writes the message to the custom application. Technical Design Details This paragraph details the steps from the previous paragraph and also shows code examples. Advanced Queue Setup A custom queue is needed to store the enriched message. Before creating a queue, the queue message types has to be created. Queue message type: Note the similarity of the object type definition and the customer table definition of the receiving application. After creating the message type, a Queue and Queue table have to be created: Creation of the queue table: Creation of the queue: After creation, the queue has to be started as follows: dbmsaqadm. startqueue ( queuename gt xxjvcustomersnew, queuetable gt xxjvcustomerssqtab) Event Subscription Now we have the Custom Queue in place, we can create an event subscription. We need a PLSQL function that is: middot triggered by event oracle. apps. ar. hz. CustAccount. create, middot retrieves all needed information from the TCA tables, middot creates a message of type xxjvcustomert and middot places this message on queue xxjvcustomersnew. For the source of this PLSQL function see Appendix A: Source of Event Subscription When this function is created, we have to administer the event subscription in E-Business Suite: middot Login as Workflow Administrator. middot Choose function ldquoBusiness Eventsrdquo. middot Query event oracle. apps. ar. hz. CustAccount. create. middot Click on Subscription. See screen shot below. Create a new subscription. Fill the first screen in similar to the next screen shot. Only the name of the System will be different. Press next and fill in the next screen with exact data from the following screenshot. You can test the setup so far, by creating a new Customer Account in e-Business Suite and check whether a message is placed in the custom queue. The following code snippet listens for a new message on the custom queue. This script will wait until a message arrives. Now we have the event subscription that places an enriched message on our custom queue, we can finalize the integration by creating the ESB flow. See diagram below: The flow starts from the left with an Dequeue operation that reads from the custom queue. In the setup wizard, you configure the name of the queue to listen on. See screenshot below. The Dequeue operation passes the message to Routing Service CustCreationRS. This Routing Services passes the message both to File Adapter CustWriteToFile for logging purposes and to Database Adapter WriteCustomer. Conclusion The integration scenario presented in this document, is straightforward. The main characteristic is the enrichment in PLSQL. When knowledge of both E-Business Suite and SOA Suite is available, this type of integration can be built in just a few days. Appendix A: Source of Event Subscription Function xxeventsubst reads all needed customer information, creates a message from it and put the message on a custom queue, where ESB will do the rest of the processing. Slideshare uses cookies to improve functionality and performance, and to provide you with relevant advertising. หากคุณเรียกดูไซต์ต่อไปคุณยอมรับการใช้คุกกี้ในเว็บไซต์นี้ ดูข้อตกลงสำหรับผู้ใช้และนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา Slideshare ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันและประสิทธิภาพและเพื่อให้การโฆษณาที่เกี่ยวข้องแก่คุณ หากคุณเรียกดูไซต์ต่อไปคุณยอมรับการใช้คุกกี้ในเว็บไซต์นี้ ดูนโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อตกลงสำหรับผู้ใช้เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม Explore all your favorite topics in the SlideShare app Get the SlideShare app to Save for Later even offline Continue to the mobile site Upload Login Signup Double tap to zoom out Oracle EBS R12 Financials Configurations Summary Mohamed Nazih Abdel-Hamid Share this SlideShare LinkedIn Corporation copy 2017